เมื่อพูดถึงการลงทุนในยุคสมัยนี้ หลายคนคงเริ่มรู้สึกว่าการพึ่งพาแค่หุ้นกับตราสารหนี้อย่างเดียวอาจไม่พอแล้วใช่ไหมครับ/คะ? โลกการเงินของเรามันหมุนเร็วขึ้นทุกวัน อะไรที่เคยเป็น ‘ปกติ’ ก็อาจจะให้ผลตอบแทนไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ผม/ดิฉันเองก็รู้สึกแบบนั้นเลยครับ/ค่ะ จากประสบการณ์ตรงที่ได้ลองสัมผัสมาด้วยตัวเอง ตลาดหุ้นก็ผันผวนจนใจหาย ดอกเบี้ยเงินฝากก็ยังคงอยู่ในระดับที่แทบไม่ขยับเลย ทำให้ผม/ดิฉันเริ่มมองหา ‘กองทุนทางเลือก’ อย่างจริงจัง เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจ และที่สำคัญคือช่วยกระจายความเสี่ยงให้พอร์ตการลงทุนของเรามีความมั่นคงมากขึ้นหลายคนอาจจะคิดว่าสินทรัพย์ทางเลือกเป็นเรื่องไกลตัว หรือเฉพาะคนมีเงินถุงเงินถังเท่านั้น แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลยครับ/ค่ะ!
ลองสังเกตดูสิครับ/คะว่าช่วงหลังมานี้ ทั้งเรื่องเงินเฟ้อที่พุ่งสูงปรี๊ด หรือความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจทั่วโลก มันส่งผลให้สินทรัพย์ที่เราคุ้นเคยไม่ได้เป็น ‘ที่พึ่ง’ ได้เหมือนเดิมอีกแล้ว ทำให้กองทุนที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ โครงสร้างพื้นฐาน หรือแม้แต่ Private Equity เริ่มเป็นที่น่าจับตามากขึ้น ผม/ดิฉันเชื่อว่าในอนาคตอันใกล้นี้ การมีสินทรัพย์ทางเลือกในพอร์ตจะกลายเป็น ‘สิ่งจำเป็น’ ไม่ใช่แค่ ‘ทางเลือก’ อีกต่อไป เพราะมันเป็นหนทางหนึ่งที่จะช่วยให้เราฝ่าคลื่นลมการลงทุนที่รุนแรงนี้ไปได้ครับ/ค่ะการจะจัดพอร์ตลงทุนในสินทรัพย์เหล่านี้ให้มีประสิทธิภาพ ไม่ใช่แค่ซื้อๆ ไปวันๆ แต่ต้องมีกลยุทธ์ที่เข้าใจถึงธรรมชาติของสินทรัพย์แต่ละประเภท และที่สำคัญคือต้องปรับให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา นี่เป็นเรื่องที่ผม/ดิฉันอยากแบ่งปันอย่างมากเรามาเจาะลึกกันเลยดีกว่าครับ!
กองทุนทางเลือก: ไม่ใช่แค่ ‘ทางเลือก’ แต่คือ ‘ความจำเป็น’ ในยุคนี้
ผม/ดิฉันเชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินคำว่า ‘กองทุนทางเลือก’ มาบ้างแล้วใช่ไหมครับ/คะ? แต่สำหรับบางคนอาจจะยังไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร หรือทำไมเราถึงควรให้ความสนใจกับมันในวันนี้ จากประสบการณ์ตรงที่ได้ลองศึกษาและลงทุนมาเอง ผม/ดิฉันเห็นเลยว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องของคนมีเงินถุงเงินถังอย่างเดียวอีกต่อไปแล้วครับ/ค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่ดอกเบี้ยเงินฝากยังคงต่ำเตี้ยเรี่ยดิน และตลาดหุ้นก็ผันผวนจนบางทีทำให้เราใจหายใจคว่ำ การมองหาสินทรัพย์ที่ไม่ได้เคลื่อนไหวตามตลาดหลักแบบเป๊ะๆ จึงกลายเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้พอร์ตของเรามีภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น ยิ่งเมื่อเราได้เห็นปรากฏการณ์เงินเฟ้อที่ข้าวของแพงขึ้นทุกวัน ค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ สินทรัพย์ทางเลือกบางประเภทอย่างอสังหาริมทรัพย์ หรือโครงสร้างพื้นฐาน ก็สามารถช่วยรักษามูลค่าเงินของเราให้ไม่ถูกกัดกินไปกับการเวลาได้ เพราะธรรมชาติของมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคแบบโดยตรงเสมอไปครับ/ค่ะ
ทำไมสินทรัพย์ทางเลือกถึงเข้ามามีบทบาทมากขึ้น?
* การที่ตลาดการเงินโลกมีความเชื่อมโยงและผันผวนสูง ทำให้สินทรัพย์ที่เราคุ้นเคยอย่างหุ้นหรือพันธบัตรอาจให้ผลตอบแทนที่คาดเดาได้ยากขึ้น
* อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ในหลายประเทศทั่วโลก ทำให้เงินสดและสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนต่ำสูญเสียอำนาจซื้อไปอย่างรวดเร็ว
* ความต้องการกระจายความเสี่ยงจากตลาดหลักที่มีความสัมพันธ์กันสูง (High Correlation) การมีสินทรัพย์ทางเลือกจะช่วยให้พอร์ตไม่เหวี่ยงหนักเมื่อตลาดใดตลาดหนึ่งปรับฐาน
ความท้าทายและการมองเห็นโอกาสใหม่ๆ
* แน่นอนว่าการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกไม่ได้ปราศจากความท้าทาย เช่น สภาพคล่องที่ต่ำกว่า หรือความซับซ้อนในการทำความเข้าใจ แต่ในความท้าทายนั้นก็มีโอกาสซ่อนอยู่เสมอ
* การเข้าถึงที่ง่ายขึ้น: ในอดีต สินทรัพย์เหล่านี้มักจำกัดอยู่เฉพาะนักลงทุนสถาบันหรือผู้มีเงินทุนสูง แต่ปัจจุบันมีกองทุนรวมที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อยเข้าถึงได้ง่ายขึ้นมาก
* ศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในระยะยาว เมื่อเปรียบเทียบกับสินทรัพย์ดั้งเดิมในช่วงที่ตลาดอยู่ในภาวะไม่แน่นอน
เจาะลึกประเภทกองทุนทางเลือกยอดนิยมที่ผม/ดิฉันลงทุน
เมื่อพูดถึงกองทุนทางเลือก หลายคนอาจจะนึกไม่ออกว่ามีอะไรบ้าง หรือบางทีอาจจะรู้สึกว่ามันดูซับซ้อนไปหมด แต่จริงๆ แล้วมันมีหลายประเภทเลยนะครับ/คะ และแต่ละประเภทก็มีเสน่ห์และความท้าทายที่ไม่เหมือนกันเลย จากประสบการณ์ที่ผม/ดิฉันได้ลองลงทุนมาเอง ผม/ดิฉันพบว่าบางประเภทก็เหมาะกับการเพิ่มกระแสเงินสด บางประเภทก็เหมาะกับการเติบโตในระยะยาว การทำความเข้าใจธรรมชาติของแต่ละตัวจึงเป็นเรื่องสำคัญมากๆ ครับ/ค่ะ ลองมาดูกันว่าประเภทไหนที่น่าสนใจและผม/ดิฉันให้ความสำคัญเป็นพิเศษ
กองทุนอสังหาริมทรัพย์ (Property Funds / REITs)
* กองทุนประเภทนี้ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างรายได้ เช่น อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า โรงแรม หรือคลังสินค้า ที่ผม/ดิฉันชอบคือมันให้ผลตอบแทนในรูปของเงินปันผลค่อนข้างสม่ำเสมอ เหมือนกับการที่เราเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์นั้นๆ เองเลยครับ/ค่ะ แต่เราไม่ต้องไปยุ่งยากเรื่องการดูแลหรือหาผู้เช่าเอง ทำให้เรามีโอกาสได้กระแสเงินสดที่ค่อนข้างมั่นคงและยังมีโอกาสได้กำไรจากส่วนต่างราคาหากอสังหาริมทรัพย์มีมูลค่าเพิ่มขึ้นอีกด้วย
* ความเสี่ยงที่ต้องระวังคือเรื่องของทำเล อัตราการเช่า และสภาวะเศรษฐกิจในแต่ละช่วงเวลาครับ/ค่ะ เช่น ถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันอย่างโรคระบาดที่ทำให้คนไม่สามารถเดินทางได้ ธุรกิจโรงแรมก็อาจจะซบเซาได้ทันที
กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Funds)
* กองทุนกลุ่มนี้จะลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตประจำวันและเศรษฐกิจของประเทศ เช่น ถนน ทางด่วน รถไฟฟ้า ท่าเรือ หรือโรงไฟฟ้า ที่ผม/ดิฉันเห็นว่าน่าสนใจคือมักจะมีสัญญาระยะยาวและมีรายได้ที่ค่อนข้างสม่ำเสมอจากค่าผ่านทาง ค่าไฟ หรือค่าบริการต่างๆ ทำให้เป็นสินทรัพย์ที่ค่อนข้างมีความมั่นคงและคาดการณ์กระแสเงินสดได้ดีในระยะยาวครับ/ค่ะ เหมือนเราได้เป็นเจ้าของกิจการสาธารณูปโภคที่คนยังไงก็ต้องใช้ ซึ่งเป็นอะไรที่ทำให้รู้สึกอุ่นใจมากๆ ในระยะยาวเลย
* สิ่งที่ต้องพิจารณาคือเรื่องกฎระเบียบของภาครัฐ และความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายต่างๆ เพราะธุรกิจเหล่านี้มักอยู่ภายใต้การกำกับดูแลที่เข้มงวด
Private Equity Funds (PE)
* สำหรับกองทุน PE หรือกองทุนหุ้นนอกตลาด เป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นแต่ก็ท้าทายครับ/ค่ะ กองทุนกลุ่มนี้จะเข้าลงทุนในบริษัทที่ยังไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยมีเป้าหมายที่จะเข้าไปพัฒนาหรือปรับปรุงกิจการให้เติบโต แล้วจึงนำไปขายต่อหรือนำเข้าตลาดหลักทรัพย์ในอนาคต ผม/ดิฉันมองว่านี่คือโอกาสที่จะได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงมากๆ ตั้งแต่ยังไม่เป็นที่รู้จักทั่วไป ซึ่งถ้าเลือกถูกตัว ผลตอบแทนก็อาจจะสูงปรี๊ดชนิดที่หุ้นในตลาดเทียบไม่ติดเลยทีเดียว แต่แน่นอนว่าความเสี่ยงก็สูงตามไปด้วยครับ/ค่ะ สภาพคล่องต่ำมากๆ และต้องใช้ความรู้ความเข้าใจที่ลึกซึ้ง
* นี่คือตัวอย่างของความเสี่ยงที่สูงแต่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่มหาศาล หากคุณมีความอดทนและเข้าใจธรรมชาติของธุรกิจเป็นอย่างดี
หัวใจสำคัญ: การคัดเลือกกองทุนทางเลือกที่ใช่สำหรับคุณ
การเลือกกองทุนทางเลือกไม่ใช่แค่การดูผลตอบแทนย้อนหลังเพียงอย่างเดียวครับ/คะ แต่ต้องอาศัยการพิจารณาปัจจัยหลายๆ อย่างอย่างรอบคอบ เหมือนกับการเลือกคู่ชีวิตเลยก็ว่าได้!
เพราะถ้าเลือกผิดก็อาจจะเจ็บหนักได้ ที่ผม/ดิฉันเน้นย้ำอยู่เสมอคือ “จงเข้าใจในสิ่งที่คุณกำลังจะลงทุน” อย่าลงทุนในสิ่งที่คุณไม่เข้าใจเด็ดขาดครับ/ค่ะ เพราะสุดท้ายแล้วมันจะกลับมาทำร้ายเราเอง การศึกษาข้อมูลเชิงลึกเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ที่ผ่านมาผม/ดิฉันเสียเวลาไปกับการอ่านเอกสารกองทุน ดูงบการเงิน ประเมินทีมผู้บริหารเยอะมากๆ เพื่อให้มั่นใจว่าเงินที่เราลงไปจะถูกบริหารจัดการโดยมืออาชีพจริงๆ
ปัจจัยที่ต้องพิจารณาในการเลือกกองทุน
* ทีมผู้บริหารกองทุน: ผม/ดิฉันให้ความสำคัญกับประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของทีมงานเป็นอันดับต้นๆ เลยครับ/ค่ะ ลองดูว่าพวกเขามีประวัติการบริหารสินทรัพย์ประเภทนี้มานานแค่ไหน มีความสำเร็จอะไรบ้าง เพราะคนเหล่านี้คือคนที่นำเงินของเราไปลงทุน ถ้าทีมงานไม่เก่งจริง หรือไม่มีจริยธรรมที่ดี ก็อาจทำให้เกิดปัญหาได้
* นโยบายการลงทุนที่ชัดเจน:
กองทุนที่คุณสนใจมีนโยบายการลงทุนที่ชัดเจนหรือไม่? ลงทุนในสินทรัพย์ประเภทไหนบ้าง? สัดส่วนเป็นอย่างไร?
และที่สำคัญคือมันสอดคล้องกับความเสี่ยงที่คุณรับได้และเป้าหมายการลงทุนของคุณหรือไม่? ผม/ดิฉันมักจะถามตัวเองเสมอว่า “ถ้าวันนี้ตลาดเป็นแบบนี้ กองทุนนี้จะรับมืออย่างไร?”
*
ค่าธรรมเนียม: แม้จะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ค่าธรรมเนียมสามารถกัดกินผลตอบแทนของคุณได้ในระยะยาวเลยนะครับ/คะ ลองเปรียบเทียบค่าธรรมเนียมจัดการ (Management Fee) และค่าธรรมเนียมอื่นๆ กับกองทุนที่ใกล้เคียงกันดูว่าสมเหตุสมผลหรือไม่ บางทีแค่ส่วนต่าง 0.5% ต่อปี ก็สร้างผลต่างได้เป็นกอบเป็นกำเมื่อเวลาผ่านไป
* สภาพคล่อง: สินทรัพย์ทางเลือกส่วนใหญ่มีสภาพคล่องต่ำกว่าสินทรัพย์ดั้งเดิมมาก คุณต้องแน่ใจว่าคุณสามารถล็อกเงินลงทุนไว้ได้นานเท่าที่กองทุนกำหนด เพราะบางกองทุนอาจมีข้อจำกัดในการซื้อขาย หรือมีช่วงเวลาที่จำกัดให้ซื้อขายได้เท่านั้น
การบริหารความเสี่ยง: สิ่งที่ต้องคิดก่อนกระโดดลงสนาม
หลายคนมักจะมองข้ามเรื่องความเสี่ยงไป เพราะมัวแต่ตื่นเต้นกับผลตอบแทนที่สูงลิ่ว แต่สำหรับผม/ดิฉันแล้ว การบริหารความเสี่ยงคือหัวใจสำคัญของการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกเลยครับ/ค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสินทรัพย์เหล่านี้มักจะมีสภาพคล่องต่ำและมีความซับซ้อนมากกว่าหุ้นหรือพันธบัตรที่เราคุ้นเคย การมองเห็นความเสี่ยงและวางแผนรับมือไว้ล่วงหน้า จะช่วยให้เรานอนหลับสบายใจ และไม่เจ็บตัวหนักเกินไปเมื่อตลาดเกิดความผันผวนขึ้นมา
ความเสี่ยงหลักที่ต้องระวังและวิธีรับมือ
* ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง (Liquidity Risk): นี่คือความเสี่ยงอันดับต้นๆ ของสินทรัพย์ทางเลือกหลายประเภท คุณอาจจะไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ทันทีที่ต้องการ หรืออาจจะต้องขายในราคาที่ต่ำกว่าที่ควรจะเป็นเพื่อแลกกับเงินสดที่ได้ทันที การรับมือคือต้องแน่ใจว่าเงินที่คุณนำมาลงทุนในส่วนนี้เป็นเงินเย็นจริงๆ ที่คุณยังไม่จำเป็นต้องใช้ในระยะเวลาอันใกล้ หรือตามที่กองทุนกำหนด
* ความเสี่ยงด้านการประเมินมูลค่า (Valuation Risk): การประเมินมูลค่าของสินทรัพย์ทางเลือกบางประเภท เช่น Private Equity หรืออสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ได้ซื้อขายในตลาดเปิด อาจทำได้ยากและไม่โปร่งใสเท่าสินทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ สิ่งนี้ทำให้การซื้อขายอาจไม่ได้เป็นไปตามมูลค่าที่แท้จริงเสมอไป ผม/ดิฉันแนะนำให้เลือกกองทุนที่มีผู้จัดการกองทุนที่มีชื่อเสียงและเชื่อถือได้ รวมถึงมีกระบวนการประเมินมูลค่าที่ชัดเจนและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล
* ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ (Regulatory Risk): โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับกองทุนโครงสร้างพื้นฐานหรือพลังงาน ที่มักจะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของภาครัฐ การเปลี่ยนแปลงนโยบายหรือกฎระเบียบอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อผลตอบแทนของกองทุนได้ การรับมือคือต้องติดตามข่าวสารและนโยบายของภาครัฐอย่างใกล้ชิด และกระจายการลงทุนไปในหลายๆ ประเภทของสินทรัพย์ทางเลือกเพื่อลดผลกระทบหากเกิดปัญหาเฉพาะจุด
ประเภทสินทรัพย์ทางเลือก | สภาพคล่อง | ศักยภาพผลตอบแทน | ความเสี่ยงหลัก |
---|---|---|---|
กองทุนอสังหาริมทรัพย์ (REITs) | ปานกลางค่อนข้างต่ำ | ปานกลางถึงสูง (กระแสเงินสดและมูลค่าเพิ่ม) | สภาวะเศรษฐกิจ, อัตราการเช่า, ทำเล |
กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน | ต่ำ | ปานกลาง (มั่นคง, สัญญาระยะยาว) | กฎระเบียบภาครัฐ, การเปลี่ยนแปลงนโยบาย |
Private Equity | ต่ำมาก | สูงมาก (แต่ผันผวน) | ความสำเร็จของธุรกิจ, สภาพคล่อง, การประเมินมูลค่า |
กลยุทธ์การจัดพอร์ตแบบ ‘คนจริง’ ด้วยสินทรัพย์ทางเลือก
การมีสินทรัพย์ทางเลือกในพอร์ตไม่ใช่แค่การซื้อแล้วเก็บไว้เฉยๆ นะครับ/คะ แต่ต้องมีการวางแผนและกลยุทธ์ที่ดี เหมือนกับการปรุงอาหารจานพิเศษที่ต้องรู้ว่าใส่อะไรไปเท่าไหร่ถึงจะอร่อยลงตัว จากประสบการณ์ที่ผม/ดิฉันได้ลองผิดลองถูกมา ผม/ดิฉันพบว่าการจัดพอร์ตแบบมีวินัยและปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสถานการณ์เป็นสิ่งสำคัญที่สุดครับ/ค่ะ ผม/ดิฉันไม่ได้มองแค่ผลตอบแทนสูงสุดเพียงอย่างเดียว แต่ยังมองถึงความสมดุลของพอร์ตโดยรวม และความสามารถในการรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน
หลักการจัดพอร์ตที่ผม/ดิฉันใช้
* กำหนดสัดส่วนที่เหมาะสม: นี่คือจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุดครับ/คะ ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวว่าต้องใส่สินทรัพย์ทางเลือกกี่เปอร์เซ็นต์ แต่ผม/ดิฉันมักจะเริ่มต้นจากการพิจารณาจากเป้าหมายการลงทุน ระยะเวลาที่สามารถลงทุนได้ และความเสี่ยงที่รับได้ สำหรับผม/ดิฉันเอง สัดส่วนของสินทรัพย์ทางเลือกจะอยู่ที่ประมาณ 10-20% ของพอร์ตโดยรวม เพื่อไม่ให้เกิดความผันผวนที่รุนแรงจนเกินไปนัก แต่ก็มากพอที่จะสร้างผลตอบแทนที่แตกต่างจากสินทรัพย์ดั้งเดิมได้อย่างมีนัยสำคัญ
* กระจายความเสี่ยงภายในกลุ่มสินทรัพย์ทางเลือก: แม้ว่าสินทรัพย์ทางเลือกจะช่วยกระจายความเสี่ยงจากตลาดหุ้นแล้ว แต่การกระจายความเสี่ยงภายในกลุ่มสินทรัพย์ทางเลือกเองก็สำคัญไม่แพ้กันครับ/ค่ะ เช่น ถ้าคุณมี REITs ในพอร์ตแล้ว ก็อาจจะมองหากองทุนโครงสร้างพื้นฐาน หรือ Private Equity เข้ามาเสริม เพื่อไม่ให้พอร์ตของคุณกระจุกตัวอยู่ในสินทรัพย์ประเภทเดียวมากเกินไป ผม/ดิฉันมักจะเปรียบเทียบกับการไม่ใส่ไข่ทั้งหมดลงในตะกร้าใบเดียว
* ปรับพอร์ตตามสถานการณ์ (Rebalancing): ตลาดการเงินเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาครับ/คะ ดังนั้นการปรับพอร์ต (Rebalancing) จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่คุณควรทำเป็นประจำ ผม/ดิฉันมักจะทบทวนพอร์ตของตัวเองทุกๆ 6 เดือน หรือเมื่อมีเหตุการณ์สำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อสินทรัพย์ที่ถืออยู่ การปรับพอร์ตคือการปรับสัดส่วนสินทรัพย์กลับมาให้อยู่ในระดับที่คุณกำหนดไว้แต่แรก เพื่อไม่ให้พอร์ตของคุณมีความเสี่ยงมากเกินไปในสินทรัพย์ที่ราคาขึ้นไปสูงมากแล้ว
ข้อควรรู้และคำแนะนำจากประสบการณ์จริงของผม/ดิฉัน
หลังจากที่ได้คลุกคลีอยู่กับกองทุนทางเลือกมาพักใหญ่ ผม/ดิฉันก็มีข้อคิดและคำแนะนำบางอย่างที่อยากจะแบ่งปันจากประสบการณ์ตรงนะครับ/คะ สิ่งเหล่านี้อาจจะไม่ได้อยู่ในตำราเรียนทั่วไป แต่เป็นสิ่งที่ผม/ดิฉันได้เรียนรู้มาจากการลงมือทำจริง และบางครั้งก็ต้องแลกมาด้วยความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ นี่แหละครับ/ค่ะที่ทำให้ผม/ดิฉันเชื่อว่าการลงทุนเป็นเรื่องของการเรียนรู้ที่ไม่มีวันสิ้นสุด และประสบการณ์คือครูที่ดีที่สุด
คำแนะนำจากประสบการณ์จริง
* อดทนและให้เวลากับมัน: สินทรัพย์ทางเลือกหลายประเภทไม่ได้ให้ผลตอบแทนหวือหวาในระยะสั้น และมักจะมีสภาพคล่องต่ำ ดังนั้นคุณต้องมีใจที่อดทนและให้เวลากับมันครับ/ค่ะ อย่าคาดหวังว่าจะได้กำไรเป็นกอบเป็นกำในเวลาอันสั้น เพราะธรรมชาติของมันคือการสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว ผม/ดิฉันเคยมีช่วงที่รู้สึกท้อแท้เหมือนกันเวลาเห็นสินทรัพย์อื่นขึ้นเอาๆ แต่ของตัวเองยังนิ่งๆ แต่เมื่อมองในภาพรวมระยะยาวแล้ว มันคุ้มค่ากับการรอคอยจริงๆ
* ศึกษาข้อมูลให้ลึกซึ้ง: อย่าเชื่อแค่คำบอกเล่าหรือบทวิเคราะห์ที่ผิวเผิน การอ่านหนังสือชี้ชวน เอกสารกองทุน รายงานประจำปี และทำความเข้าใจในสินทรัพย์ที่กองทุนลงทุนจริงๆ เป็นสิ่งสำคัญที่สุดครับ/ค่ะ ผม/ดิฉันเคยพลาดเพราะเชื่อคนอื่นมากเกินไป จนต้องมานั่งไล่แก้ข้อมูลเองในภายหลัง ซึ่งทำให้เสียเวลาและโอกาสไปเยอะมาก ยิ่งคุณเข้าใจลึกซึ้งเท่าไหร่ โอกาสในการเลือกสิ่งที่ใช่ก็จะมากขึ้นเท่านั้น
* อย่ากลัวที่จะเริ่มแต่ก็อย่าประมาท: การเริ่มต้นลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกครั้งแรกอาจจะรู้สึกน่ากลัวและสับสนบ้าง แต่ถ้าคุณศึกษามาดีพอแล้ว ก็อย่ากลัวที่จะเริ่มครับ/ค่ะ แค่เริ่มต้นจากเงินจำนวนน้อยๆ ที่คุณรับความเสี่ยงได้ และค่อยๆ เพิ่มขึ้นเมื่อคุณมีความเข้าใจและมั่นใจมากขึ้น และที่สำคัญคืออย่าประมาท มองข้ามความเสี่ยงไป เพราะทุกการลงทุนมีความเสี่ยงเสมอ
อนาคตของกองทุนทางเลือก: เตรียมพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลง
โลกของเราหมุนเร็วขึ้นทุกวันครับ/คะ และตลาดการเงินก็เช่นกัน สิ่งที่เราเคยเชื่อว่าใช่เมื่อวาน อาจจะไม่ใช่สำหรับวันนี้หรือพรุ่งนี้ กองทุนทางเลือกก็เช่นกัน ผม/ดิฉันมองว่ามันมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ ในพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนทั่วโลก และแนวโน้มนี้จะยังคงดำเนินต่อไป เพราะความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น ทำให้สินทรัพย์ดั้งเดิมเพียงอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอต่อการสร้างความมั่นคงให้กับพอร์ตอีกต่อไปครับ/ค่ะ
แนวโน้มที่น่าจับตามองในอนาคต
* สินทรัพย์ดิจิทัลและเทคโนโลยี: แม้จะยังมีความผันผวนสูง แต่สินทรัพย์ดิจิทัล เช่น คริปโตเคอร์เรนซี หรือการลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีสตาร์ทอัพ ก็เริ่มเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ ‘ทางเลือก’ ที่นักลงทุนบางกลุ่มให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งนี่อาจเป็นโอกาสใหม่ๆ ที่จะสร้างผลตอบแทนที่ก้าวกระโดดได้ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความเสี่ยงที่สูงมากๆ และต้องทำความเข้าใจเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังอย่างลึกซึ้ง
* การลงทุนที่ยั่งยืน (ESG Investment): กองทุนทางเลือกที่เน้นการลงทุนในกิจการหรือโครงการที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของผลตอบแทน แต่เป็นเรื่องของการสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับโลกไปพร้อมๆ กัน ซึ่งผม/ดิฉันเชื่อว่าจะเป็นเทรนด์สำคัญในอนาคตที่ไม่อาจมองข้ามได้ เพราะผู้บริโภคและนักลงทุนยุคใหม่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากขึ้น
* การเข้าถึงที่ง่ายขึ้น: ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ผม/ดิฉันเชื่อว่าในอนาคต การลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกที่เคยเข้าถึงยากจะง่ายขึ้นเรื่อยๆ อาจมีแพลตฟอร์มหรือผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ทำให้เราสามารถลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายมากขึ้นได้ด้วยเงินลงทุนที่ไม่สูงมาก ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนรายย่อยอย่างเราๆ ครับ/ค่ะสุดท้ายนี้ ผม/ดิฉันหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และจุดประกายให้หลายๆ คนหันมาสนใจ ‘กองทุนทางเลือก’ มากขึ้นนะครับ/คะ จำไว้ว่าการลงทุนคือการเดินทางที่ต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต จงเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และปรับตัวอยู่เสมอ แล้วพอร์ตการลงทุนของคุณก็จะเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาวครับ/ค่ะ
กองทุนทางเลือก: ไม่ใช่แค่ ‘ทางเลือก’ แต่คือ ‘ความจำเป็น’ ในยุคนี้
ผม/ดิฉันเชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินคำว่า ‘กองทุนทางเลือก’ มาบ้างแล้วใช่ไหมครับ/คะ? แต่สำหรับบางคนอาจจะยังไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร หรือทำไมเราถึงควรให้ความสนใจกับมันในวันนี้ จากประสบการณ์ตรงที่ได้ลองศึกษาและลงทุนมาเอง ผม/ดิฉันเห็นเลยว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องของคนมีเงินถุงเงินถังอย่างเดียวอีกต่อไปแล้วครับ/ค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่ดอกเบี้ยเงินฝากยังคงต่ำเตี้ยเรี่ยดิน และตลาดหุ้นก็ผันผวนจนบางทีทำให้เราใจหายใจคว่ำ การมองหาสินทรัพย์ที่ไม่ได้เคลื่อนไหวตามตลาดหลักแบบเป๊ะๆ จึงกลายเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้พอร์ตของเรามีภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น ยิ่งเมื่อเราได้เห็นปรากฏการณ์เงินเฟ้อที่ข้าวของแพงขึ้นทุกวัน ค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ สินทรัพย์ทางเลือกบางประเภทอย่างอสังหาริมทรัพย์ หรือโครงสร้างพื้นฐาน ก็สามารถช่วยรักษามูลค่าเงินของเราให้ไม่ถูกกัดกินไปกับการเวลาได้ เพราะธรรมชาติของมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคแบบโดยตรงเสมอไปครับ/ค่ะ
ทำไมสินทรัพย์ทางเลือกถึงเข้ามามีบทบาทมากขึ้น?
* การที่ตลาดการเงินโลกมีความเชื่อมโยงและผันผวนสูง ทำให้สินทรัพย์ที่เราคุ้นเคยอย่างหุ้นหรือพันธบัตรอาจให้ผลตอบแทนที่คาดเดาได้ยากขึ้น
* อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ในหลายประเทศทั่วโลก ทำให้เงินสดและสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนต่ำสูญเสียอำนาจซื้อไปอย่างรวดเร็ว
* ความต้องการกระจายความเสี่ยงจากตลาดหลักที่มีความสัมพันธ์กันสูง (High Correlation) การมีสินทรัพย์ทางเลือกจะช่วยให้พอร์ตไม่เหวี่ยงหนักเมื่อตลาดใดตลาดหนึ่งปรับฐาน
ความท้าทายและการมองเห็นโอกาสใหม่ๆ
* แน่นอนว่าการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกไม่ได้ปราศจากความท้าทาย เช่น สภาพคล่องที่ต่ำกว่า หรือความซับซ้อนในการทำความเข้าใจ แต่ในความท้าทายนั้นก็มีโอกาสซ่อนอยู่เสมอ
* การเข้าถึงที่ง่ายขึ้น: ในอดีต สินทรัพย์เหล่านี้มักจำกัดอยู่เฉพาะนักลงทุนสถาบันหรือผู้มีเงินทุนสูง แต่ปัจจุบันมีกองทุนรวมที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อยเข้าถึงได้ง่ายขึ้นมาก
* ศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในระยะยาว เมื่อเปรียบเทียบกับสินทรัพย์ดั้งเดิมในช่วงที่ตลาดอยู่ในภาวะไม่แน่นอน
เจาะลึกประเภทกองทุนทางเลือกยอดนิยมที่ผม/ดิฉันลงทุน
เมื่อพูดถึงกองทุนทางเลือก หลายคนอาจจะนึกไม่ออกว่ามีอะไรบ้าง หรือบางทีอาจจะรู้สึกว่ามันดูซับซ้อนไปหมด แต่จริงๆ แล้วมันมีหลายประเภทเลยนะครับ/คะ และแต่ละประเภทก็มีเสน่ห์และความท้าทายที่ไม่เหมือนกันเลย จากประสบการณ์ที่ผม/ดิฉันได้ลองลงทุนมาเอง ผม/ดิฉันพบว่าบางประเภทก็เหมาะกับการเพิ่มกระแสเงินสด บางประเภทก็เหมาะกับการเติบโตในระยะยาว การทำความเข้าใจธรรมชาติของแต่ละตัวจึงเป็นเรื่องสำคัญมากๆ ครับ/ค่ะ ลองมาดูกันว่าประเภทไหนที่น่าสนใจและผม/ดิฉันให้ความสำคัญเป็นพิเศษ
กองทุนอสังหาริมทรัพย์ (Property Funds / REITs)
* กองทุนประเภทนี้ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างรายได้ เช่น อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า โรงแรม หรือคลังสินค้า ที่ผม/ดิฉันชอบคือมันให้ผลตอบแทนในรูปของเงินปันผลค่อนข้างสม่ำเสมอ เหมือนกับการที่เราเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์นั้นๆ เองเลยครับ/ค่ะ แต่เราไม่ต้องไปยุ่งยากเรื่องการดูแลหรือหาผู้เช่าเอง ทำให้เรามีโอกาสได้กระแสเงินสดที่ค่อนข้างมั่นคงและยังมีโอกาสได้กำไรจากส่วนต่างราคาหากอสังหาริมทรัพย์มีมูลค่าเพิ่มขึ้นอีกด้วย
* ความเสี่ยงที่ต้องระวังคือเรื่องของทำเล อัตราการเช่า และสภาวะเศรษฐกิจในแต่ละช่วงเวลาครับ/ค่ะ เช่น ถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันอย่างโรคระบาดที่ทำให้คนไม่สามารถเดินทางได้ ธุรกิจโรงแรมก็อาจจะซบเซาได้ทันที
กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Funds)
* กองทุนกลุ่มนี้จะลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตประจำวันและเศรษฐกิจของประเทศ เช่น ถนน ทางด่วน รถไฟฟ้า ท่าเรือ หรือโรงไฟฟ้า ที่ผม/ดิฉันเห็นว่าน่าสนใจคือมักจะมีสัญญาระยะยาวและมีรายได้ที่ค่อนข้างสม่ำเสมอจากค่าผ่านทาง ค่าไฟ หรือค่าบริการต่างๆ ทำให้เป็นสินทรัพย์ที่ค่อนข้างมีความมั่นคงและคาดการณ์กระแสเงินสดได้ดีในระยะยาวครับ/ค่ะ เหมือนเราได้เป็นเจ้าของกิจการสาธารณูปโภคที่คนยังไงก็ต้องใช้ ซึ่งเป็นอะไรที่ทำให้รู้สึกอุ่นใจมากๆ ในระยะยาวเลย
* สิ่งที่ต้องพิจารณาคือเรื่องกฎระเบียบของภาครัฐ และความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายต่างๆ เพราะธุรกิจเหล่านี้มักอยู่ภายใต้การกำกับดูแลที่เข้มงวด
Private Equity Funds (PE)
* สำหรับกองทุน PE หรือกองทุนหุ้นนอกตลาด เป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นแต่ก็ท้าทายครับ/ค่ะ กองทุนกลุ่มนี้จะเข้าลงทุนในบริษัทที่ยังไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยมีเป้าหมายที่จะเข้าไปพัฒนาหรือปรับปรุงกิจการให้เติบโต แล้วจึงนำไปขายต่อหรือนำเข้าตลาดหลักทรัพย์ในอนาคต ผม/ดิฉันมองว่านี่คือโอกาสที่จะได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงมากๆ ตั้งแต่ยังไม่เป็นที่รู้จักทั่วไป ซึ่งถ้าเลือกถูกตัว ผลตอบแทนก็อาจจะสูงปรี๊ดชนิดที่หุ้นในตลาดเทียบไม่ติดเลยทีเดียว แต่แน่นอนว่าความเสี่ยงก็สูงตามไปด้วยครับ/ค่ะ สภาพคล่องต่ำมากๆ และต้องใช้ความรู้ความเข้าใจที่ลึกซึ้ง
* นี่คือตัวอย่างของความเสี่ยงที่สูงแต่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่มหาศาล หากคุณมีความอดทนและเข้าใจธรรมชาติของธุรกิจเป็นอย่างดี
หัวใจสำคัญ: การคัดเลือกกองทุนทางเลือกที่ใช่สำหรับคุณ
การเลือกกองทุนทางเลือกไม่ใช่แค่การดูผลตอบแทนย้อนหลังเพียงอย่างเดียวครับ/คะ แต่ต้องอาศัยการพิจารณาปัจจัยหลายๆ อย่างอย่างรอบคอบ เหมือนกับการเลือกคู่ชีวิตเลยก็ว่าได้!
เพราะถ้าเลือกผิดก็อาจจะเจ็บหนักได้ ที่ผม/ดิฉันเน้นย้ำอยู่เสมอคือ “จงเข้าใจในสิ่งที่คุณกำลังจะลงทุน” อย่าลงทุนในสิ่งที่คุณไม่เข้าใจเด็ดขาดครับ/ค่ะ เพราะสุดท้ายแล้วมันจะกลับมาทำร้ายเราเอง การศึกษาข้อมูลเชิงลึกเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ที่ผ่านมาผม/ดิฉันเสียเวลาไปกับการอ่านเอกสารกองทุน ดูงบการเงิน ประเมินทีมผู้บริหารเยอะมากๆ เพื่อให้มั่นใจว่าเงินที่เราลงไปจะถูกบริหารจัดการโดยมืออาชีพจริงๆ
ปัจจัยที่ต้องพิจารณาในการเลือกกองทุน
* ทีมผู้บริหารกองทุน: ผม/ดิฉันให้ความสำคัญกับประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของทีมงานเป็นอันดับต้นๆ เลยครับ/ค่ะ ลองดูว่าพวกเขามีประวัติการบริหารสินทรัพย์ประเภทนี้มานานแค่ไหน มีความสำเร็จอะไรบ้าง เพราะคนเหล่านี้คือคนที่นำเงินของเราไปลงทุน ถ้าทีมงานไม่เก่งจริง หรือไม่มีจริยธรรมที่ดี ก็อาจทำให้เกิดปัญหาได้
* นโยบายการลงทุนที่ชัดเจน:
กองทุนที่คุณสนใจมีนโยบายการลงทุนที่ชัดเจนหรือไม่? ลงทุนในสินทรัพย์ประเภทไหนบ้าง? สัดส่วนเป็นอย่างไร?
และที่สำคัญคือมันสอดคล้องกับความเสี่ยงที่คุณรับได้และเป้าหมายการลงทุนของคุณหรือไม่? ผม/ดิฉันมักจะถามตัวเองเสมอว่า “ถ้าวันนี้ตลาดเป็นแบบนี้ กองทุนนี้จะรับมืออย่างไร?”
*
ค่าธรรมเนียม: แม้จะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ค่าธรรมเนียมสามารถกัดกินผลตอบแทนของคุณได้ในระยะยาวเลยนะครับ/คะ ลองเปรียบเทียบค่าธรรมเนียมจัดการ (Management Fee) และค่าธรรมเนียมอื่นๆ กับกองทุนที่ใกล้เคียงกันดูว่าสมเหตุสมผลหรือไม่ บางทีแค่ส่วนต่าง 0.5% ต่อปี ก็สร้างผลต่างได้เป็นกอบเป็นกำเมื่อเวลาผ่านไป
* สภาพคล่อง: สินทรัพย์ทางเลือกส่วนใหญ่มีสภาพคล่องต่ำกว่าสินทรัพย์ดั้งเดิมมาก คุณต้องแน่ใจว่าคุณสามารถล็อกเงินลงทุนไว้ได้นานเท่าที่กองทุนกำหนด เพราะบางกองทุนอาจมีข้อจำกัดในการซื้อขาย หรือมีช่วงเวลาที่จำกัดให้ซื้อขายได้เท่านั้น
การบริหารความเสี่ยง: สิ่งที่ต้องคิดก่อนกระโดดลงสนาม
หลายคนมักจะมองข้ามเรื่องความเสี่ยงไป เพราะมัวแต่ตื่นเต้นกับผลตอบแทนที่สูงลิ่ว แต่สำหรับผม/ดิฉันแล้ว การบริหารความเสี่ยงคือหัวใจสำคัญของการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกเลยครับ/ค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสินทรัพย์เหล่านี้มักจะมีสภาพคล่องต่ำและมีความซับซ้อนมากกว่าหุ้นหรือพันธบัตรที่เราคุ้นเคย การมองเห็นความเสี่ยงและวางแผนรับมือไว้ล่วงหน้า จะช่วยให้เรานอนหลับสบายใจ และไม่เจ็บตัวหนักเกินไปเมื่อตลาดเกิดความผันผวนขึ้นมา
ความเสี่ยงหลักที่ต้องระวังและวิธีรับมือ
* ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง (Liquidity Risk): นี่คือความเสี่ยงอันดับต้นๆ ของสินทรัพย์ทางเลือกหลายประเภท คุณอาจจะไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ทันทีที่ต้องการ หรืออาจจะต้องขายในราคาที่ต่ำกว่าที่ควรจะเป็นเพื่อแลกกับเงินสดที่ได้ทันที การรับมือคือต้องแน่ใจว่าเงินที่คุณนำมาลงทุนในส่วนนี้เป็นเงินเย็นจริงๆ ที่คุณยังไม่จำเป็นต้องใช้ในระยะเวลาอันใกล้ หรือตามที่กองทุนกำหนด
* ความเสี่ยงด้านการประเมินมูลค่า (Valuation Risk): การประเมินมูลค่าของสินทรัพย์ทางเลือกบางประเภท เช่น Private Equity หรืออสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ได้ซื้อขายในตลาดเปิด อาจทำได้ยากและไม่โปร่งใสเท่าสินทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ สิ่งนี้ทำให้การซื้อขายอาจไม่ได้เป็นไปตามมูลค่าที่แท้จริงเสมอไป ผม/ดิฉันแนะนำให้เลือกกองทุนที่มีผู้จัดการกองทุนที่มีชื่อเสียงและเชื่อถือได้ รวมถึงมีกระบวนการประเมินมูลค่าที่ชัดเจนและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล
* ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ (Regulatory Risk): โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับกองทุนโครงสร้างพื้นฐานหรือพลังงาน ที่มักจะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของภาครัฐ การเปลี่ยนแปลงนโยบายหรือกฎระเบียบอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อผลตอบแทนของกองทุนได้ การรับมือคือต้องติดตามข่าวสารและนโยบายของภาครัฐอย่างใกล้ชิด และกระจายการลงทุนไปในหลายๆ ประเภทของสินทรัพย์ทางเลือกเพื่อลดผลกระทบหากเกิดปัญหาเฉพาะจุด
ประเภทสินทรัพย์ทางเลือก | สภาพคล่อง | ศักยภาพผลตอบแทน | ความเสี่ยงหลัก |
---|---|---|---|
กองทุนอสังหาริมทรัพย์ (REITs) | ปานกลางค่อนข้างต่ำ | ปานกลางถึงสูง (กระแสเงินสดและมูลค่าเพิ่ม) | สภาวะเศรษฐกิจ, อัตราการเช่า, ทำเล |
กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน | ต่ำ | ปานกลาง (มั่นคง, สัญญาระยะยาว) | กฎระเบียบภาครัฐ, การเปลี่ยนแปลงนโยบาย |
Private Equity | ต่ำมาก | สูงมาก (แต่ผันผวน) | ความสำเร็จของธุรกิจ, สภาพคล่อง, การประเมินมูลค่า |
กลยุทธ์การจัดพอร์ตแบบ ‘คนจริง’ ด้วยสินทรัพย์ทางเลือก
การมีสินทรัพย์ทางเลือกในพอร์ตไม่ใช่แค่การซื้อแล้วเก็บไว้เฉยๆ นะครับ/คะ แต่ต้องมีการวางแผนและกลยุทธ์ที่ดี เหมือนกับการปรุงอาหารจานพิเศษที่ต้องรู้ว่าใส่อะไรไปเท่าไหร่ถึงจะอร่อยลงตัว จากประสบการณ์ที่ผม/ดิฉันได้ลองผิดลองถูกมา ผม/ดิฉันพบว่าการจัดพอร์ตแบบมีวินัยและปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสถานการณ์เป็นสิ่งสำคัญที่สุดครับ/ค่ะ ผม/ดิฉันไม่ได้มองแค่ผลตอบแทนสูงสุดเพียงอย่างเดียว แต่ยังมองถึงความสมดุลของพอร์ตโดยรวม และความสามารถในการรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน
หลักการจัดพอร์ตที่ผม/ดิฉันใช้
* กำหนดสัดส่วนที่เหมาะสม: นี่คือจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุดครับ/คะ ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวว่าต้องใส่สินทรัพย์ทางเลือกกี่เปอร์เซ็นต์ แต่ผม/ดิฉันมักจะเริ่มต้นจากการพิจารณาจากเป้าหมายการลงทุน ระยะเวลาที่สามารถลงทุนได้ และความเสี่ยงที่รับได้ สำหรับผม/ดิฉันเอง สัดส่วนของสินทรัพย์ทางเลือกจะอยู่ที่ประมาณ 10-20% ของพอร์ตโดยรวม เพื่อไม่ให้เกิดความผันผวนที่รุนแรงจนเกินไปนัก แต่ก็มากพอที่จะสร้างผลตอบแทนที่แตกต่างจากสินทรัพย์ดั้งเดิมได้อย่างมีนัยสำคัญ
* กระจายความเสี่ยงภายในกลุ่มสินทรัพย์ทางเลือก: แม้ว่าสินทรัพย์ทางเลือกจะช่วยกระจายความเสี่ยงจากตลาดหุ้นแล้ว แต่การกระจายความเสี่ยงภายในกลุ่มสินทรัพย์ทางเลือกเองก็สำคัญไม่แพ้กันครับ/ค่ะ เช่น ถ้าคุณมี REITs ในพอร์ตแล้ว ก็อาจจะมองหากองทุนโครงสร้างพื้นฐาน หรือ Private Equity เข้ามาเสริม เพื่อไม่ให้พอร์ตของคุณกระจุกตัวอยู่ในสินทรัพย์ประเภทเดียวมากเกินไป ผม/ดิฉันมักจะเปรียบเทียบกับการไม่ใส่ไข่ทั้งหมดลงในตะกร้าใบเดียว
* ปรับพอร์ตตามสถานการณ์ (Rebalancing): ตลาดการเงินเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาครับ/คะ ดังนั้นการปรับพอร์ต (Rebalancing) จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่คุณควรทำเป็นประจำ ผม/ดิฉันมักจะทบทวนพอร์ตของตัวเองทุกๆ 6 เดือน หรือเมื่อมีเหตุการณ์สำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อสินทรัพย์ที่ถืออยู่ การปรับพอร์ตคือการปรับสัดส่วนสินทรัพย์กลับมาให้อยู่ในระดับที่คุณกำหนดไว้แต่แรก เพื่อไม่ให้พอร์ตของคุณมีความเสี่ยงมากเกินไปในสินทรัพย์ที่ราคาขึ้นไปสูงมากแล้ว
ข้อควรรู้และคำแนะนำจากประสบการณ์จริงของผม/ดิฉัน
หลังจากที่ได้คลุกคลีอยู่กับกองทุนทางเลือกมาพักใหญ่ ผม/ดิฉันก็มีข้อคิดและคำแนะนำบางอย่างที่อยากจะแบ่งปันจากประสบการณ์ตรงนะครับ/คะ สิ่งเหล่านี้อาจจะไม่ได้อยู่ในตำราเรียนทั่วไป แต่เป็นสิ่งที่ผม/ดิฉันได้เรียนรู้มาจากการลงมือทำจริง และบางครั้งก็ต้องแลกมาด้วยความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ นี่แหละครับ/ค่ะที่ทำให้ผม/ดิฉันเชื่อว่าการลงทุนเป็นเรื่องของการเรียนรู้ที่ไม่มีวันสิ้นสุด และประสบการณ์คือครูที่ดีที่สุด
คำแนะนำจากประสบการณ์จริง
* อดทนและให้เวลากับมัน: สินทรัพย์ทางเลือกหลายประเภทไม่ได้ให้ผลตอบแทนหวือหวาในระยะสั้น และมักจะมีสภาพคล่องต่ำ ดังนั้นคุณต้องมีใจที่อดทนและให้เวลากับมันครับ/ค่ะ อย่าคาดหวังว่าจะได้กำไรเป็นกอบเป็นกำในเวลาอันสั้น เพราะธรรมชาติของมันคือการสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว ผม/ดิฉันเคยมีช่วงที่รู้สึกท้อแท้เหมือนกันเวลาเห็นสินทรัพย์อื่นขึ้นเอาๆ แต่ของตัวเองยังนิ่งๆ แต่เมื่อมองในภาพรวมระยะยาวแล้ว มันคุ้มค่ากับการรอคอยจริงๆ
* ศึกษาข้อมูลให้ลึกซึ้ง: อย่าเชื่อแค่คำบอกเล่าหรือบทวิเคราะห์ที่ผิวเผิน การอ่านหนังสือชี้ชวน เอกสารกองทุน รายงานประจำปี และทำความเข้าใจในสินทรัพย์ที่กองทุนลงทุนจริงๆ เป็นสิ่งสำคัญที่สุดครับ/ค่ะ ผม/ดิฉันเคยพลาดเพราะเชื่อคนอื่นมากเกินไป จนต้องมานั่งไล่แก้ข้อมูลเองในภายหลัง ซึ่งทำให้เสียเวลาและโอกาสไปเยอะมาก ยิ่งคุณเข้าใจลึกซึ้งเท่าไหร่ โอกาสในการเลือกสิ่งที่ใช่ก็จะมากขึ้นเท่านั้น
* อย่ากลัวที่จะเริ่มแต่ก็อย่าประมาท: การเริ่มต้นลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกครั้งแรกอาจจะรู้สึกน่ากลัวและสับสนบ้าง แต่ถ้าคุณศึกษามาดีพอแล้ว ก็อย่ากลัวที่จะเริ่มครับ/ค่ะ แค่เริ่มต้นจากเงินจำนวนน้อยๆ ที่คุณรับความเสี่ยงได้ และค่อยๆ เพิ่มขึ้นเมื่อคุณมีความเข้าใจและมั่นใจมากขึ้น และที่สำคัญคืออย่าประมาท มองข้ามความเสี่ยงไป เพราะทุกการลงทุนมีความเสี่ยงเสมอ
อนาคตของกองทุนทางเลือก: เตรียมพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลง
โลกของเราหมุนเร็วขึ้นทุกวันครับ/คะ และตลาดการเงินก็เช่นกัน สิ่งที่เราเคยเชื่อว่าใช่เมื่อวาน อาจจะไม่ใช่สำหรับวันนี้หรือพรุ่งนี้ กองทุนทางเลือกก็เช่นกัน ผม/ดิฉันมองว่ามันมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ ในพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนทั่วโลก และแนวโน้มนี้จะยังคงดำเนินต่อไป เพราะความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น ทำให้สินทรัพย์ดั้งเดิมเพียงอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอต่อการสร้างความมั่นคงให้กับพอร์ตอีกต่อไปครับ/ค่ะ
แนวโน้มที่น่าจับตามองในอนาคต
* สินทรัพย์ดิจิทัลและเทคโนโลยี: แม้จะยังมีความผันผวนสูง แต่สินทรัพย์ดิจิทัล เช่น คริปโตเคอร์เรนซี หรือการลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีสตาร์ทอัพ ก็เริ่มเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ ‘ทางเลือก’ ที่นักลงทุนบางกลุ่มให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งนี่อาจเป็นโอกาสใหม่ๆ ที่จะสร้างผลตอบแทนที่ก้าวกระโดดได้ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความเสี่ยงที่สูงมากๆ และต้องทำความเข้าใจเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังอย่างลึกซึ้ง
* การลงทุนที่ยั่งยืน (ESG Investment): กองทุนทางเลือกที่เน้นการลงทุนในกิจการหรือโครงการที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของผลตอบแทน แต่เป็นเรื่องของการสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับโลกไปพร้อมๆ กัน ซึ่งผม/ดิฉันเชื่อว่าจะเป็นเทรนด์สำคัญในอนาคตที่ไม่อาจมองข้ามได้ เพราะผู้บริโภคและนักลงทุนยุคใหม่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากขึ้น
* การเข้าถึงที่ง่ายขึ้น: ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ผม/ดิฉันเชื่อว่าในอนาคต การลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกที่เคยเข้าถึงยากจะง่ายขึ้นเรื่อยๆ อาจมีแพลตฟอร์มหรือผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ทำให้เราสามารถลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายมากขึ้นได้ด้วยเงินลงทุนที่ไม่สูงมาก ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนรายย่อยอย่างเราๆ ครับ/ค่ะสุดท้ายนี้ ผม/ดิฉันหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และจุดประกายให้หลายๆ คนหันมาสนใจ ‘กองทุนทางเลือก’ มากขึ้นนะครับ/คะ จำไว้ว่าการลงทุนคือการเดินทางที่ต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต จงเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และปรับตัวอยู่เสมอ แล้วพอร์ตการลงทุนของคุณก็จะเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาวครับ/ค่ะ
สรุปทิ้งท้าย
การลงทุนในกองทุนทางเลือกอาจดูซับซ้อนในตอนแรก แต่จากประสบการณ์ของผม/ดิฉัน มันคือจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตในระยะยาว ท่ามกลางความผันผวนของโลกปัจจุบัน การเรียนรู้และทำความเข้าใจในสิ่งใหม่ๆ จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง จงกล้าที่จะก้าวออกจากกรอบการลงทุนแบบเดิมๆ และเปิดรับโอกาสใหม่ๆ ที่รออยู่ข้างหน้า ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จในการลงทุนนะครับ/คะ
ข้อมูลน่ารู้เพิ่มเติม
1. เริ่มต้นด้วยจำนวนเงินที่คุณพร้อมรับความเสี่ยงได้ ไม่จำเป็นต้องลงเงินก้อนใหญ่ในครั้งแรก
2. ศึกษาข้อมูลของกองทุนและสินทรัพย์ที่กองทุนนั้นลงทุนอย่างละเอียด เพื่อให้เข้าใจธรรมชาติและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง
3. ทบทวนแผนการลงทุนและปรับสัดส่วนพอร์ต (Rebalancing) อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ตลาดและเป้าหมายส่วนตัว
4. กระจายการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกหลายประเภท เพื่อลดความเสี่ยงที่เกิดจากการกระจุกตัว
5. หากไม่แน่ใจ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการเงิน เพื่อวางแผนการลงทุนที่เหมาะสมกับคุณที่สุด
ประเด็นสำคัญที่ควรจำ
กองทุนทางเลือกไม่ใช่แค่ทางเลือกแต่เป็นความจำเป็นในการสร้างความมั่นคงและผลตอบแทนในพอร์ตการลงทุนยุคใหม่ การทำความเข้าใจประเภทสินทรัพย์, การคัดเลือกกองทุนอย่างรอบคอบ, และการบริหารความเสี่ยงอย่างมีวินัย พร้อมทั้งการเปิดรับแนวโน้มใหม่ๆ คือหัวใจสำคัญสู่ความสำเร็จในระยะยาว
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) 📖
ถาม: คำถามที่ผม/ดิฉันมักได้ยินบ่อยๆ เลยก็คือ คนทั่วไปอย่างเราๆ ที่ไม่ได้มีเงินถุงเงินถัง จะเริ่มต้นลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกพวกนี้ได้ยังไงครับ/คะ? มันดูเป็นเรื่องไกลตัว แล้วก็เหมือนจะสำหรับคนรวยๆ เท่านั้นหรือเปล่า?
ตอบ: โอ้โห! เป็นคำถามที่โดนใจผม/ดิฉันมากเลยครับ/ค่ะ เพราะตอนแรกผม/ดิฉันก็คิดแบบนั้นเลยนะ! มันดูซับซ้อน ดูเข้าถึงยากใช่ไหมล่ะ?
แต่จริงๆ แล้วในยุคสมัยนี้ สินทรัพย์ทางเลือกอย่างอสังหาริมทรัพย์หรือโครงสร้างพื้นฐานน่ะ เราเข้าถึงได้ง่ายกว่าที่คิดเยอะเลยครับ/ค่ะ อย่างแรกเลยคือ ‘กองทุนรวม’ นี่แหละครับที่เป็นประตูบานแรกที่เราก้าวเข้าไปได้ง่ายที่สุด ลองมองหากองทุนรวมที่ลงทุนใน ‘กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs)’ หรือ ‘กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund)’ ดูสิครับ/คะ กองทุนเหล่านี้จะไปลงทุนในสินทรัพย์จริงๆ ให้เรา โดยที่เราไม่ต้องใช้เงินก้อนใหญ่ ไม่ต้องไปซื้อตึกทั้งตึก หรือไปสร้างถนนเอง!
ที่สำคัญคือมันช่วยกระจายความเสี่ยงให้เราได้ด้วย เพราะกองทุนจะไปลงทุนในหลายๆ โครงการ ไม่ใช่แค่โครงการเดียว ผม/ดิฉันเองก็เริ่มต้นจากตรงนี้แหละครับ ค่อยๆ ศึกษา ทำความเข้าใจธรรมชาติของสินทรัพย์แต่ละประเภท ไม่ต้องรีบ ค่อยๆ เรียนรู้ไปพร้อมๆ กับลงมือทำ ทีละน้อยๆ แล้วเราจะค่อยๆ เห็นภาพรวมที่ชัดเจนขึ้นเองครับ/ค่ะ
ถาม: ถ้าพูดถึงสินทรัพย์ทางเลือก ความเสี่ยงมันก็ดูสูงกว่าสินทรัพย์ที่เราคุ้นเคยใช่ไหมครับ/คะ? อะไรคือความเสี่ยงหลักๆ ที่เราควรรู้ แล้วเราจะปกป้องตัวเองจากความเสี่ยงเหล่านั้นได้ยังไงครับ/คะ?
ตอบ: ใช่เลยครับ/ค่ะ! เป็นเรื่องจริงที่สินทรัพย์ทางเลือกหลายๆ ตัวมันมีความเสี่ยงเฉพาะตัวที่แตกต่างจากหุ้นหรือตราสารหนี้ที่เราคุ้นเคย ผม/ดิฉันเองก็เคยเจอกับความเสี่ยงเรื่อง ‘สภาพคล่อง’ มาแล้วครับ!
คือบางทีอยากจะขาย แต่ก็หาคนซื้อยาก หรือกว่าจะขายได้ราคาก็ตกไปเยอะ นั่นเป็นเพราะสินทรัพย์พวกนี้ไม่ได้มีการซื้อขายเปลี่ยนมือกันได้ง่ายๆ เหมือนหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไงครับ/คะ อีกความเสี่ยงสำคัญคือ ‘การประเมินมูลค่า’ ครับ มันไม่ได้มีราคาอ้างอิงรายวันที่ชัดเจนแบบหุ้น การตีมูลค่ามันเลยอาจจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยและมุมมองของผู้ประเมิน ซึ่งอาจทำให้เราคาดเดาราคาที่แท้จริงได้ยากกว่า ส่วนตัวผม/ดิฉันใช้หลักการง่ายๆ เลยครับคือ ‘กระจายความเสี่ยง’ ให้มากที่สุด ไม่ใช่แค่กระจายในสินทรัพย์ทางเลือกอย่างเดียว แต่กระจายในหลายๆ ประเภทของสินทรัพย์ทางเลือกด้วย เช่น มีทั้ง REITs, Infrastructure Fund หรืออาจจะมองไปถึง Private Equity บ้างถ้ามีโอกาสและเงินทุนที่เหมาะสม ที่สำคัญที่สุดคือ ‘ทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้’ ก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง และลงทุนเฉพาะเงินที่เราสามารถ ‘ทิ้งไว้ได้นาน’ ครับ/ค่ะ เพราะสินทรัพย์พวกนี้มักต้องการระยะเวลาในการเติบโต ผลลัพธ์ที่ได้มันจะออกมาดีกว่าถ้าเราใจเย็นพอครับ
ถาม: แล้วเราจะจัดพอร์ตลงทุนยังไงให้มีสินทรัพย์ทางเลือกเข้ามาผสมผสานได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ/คะ? มีสัดส่วนหรือกลยุทธ์แนะนำอะไรบ้างไหมครับ/คะ?
ตอบ: อันนี้แหละครับ/ค่ะที่สำคัญที่สุด! เพราะการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกมันไม่ใช่แค่ “มีไว้ก็ดี” แต่มันคือการ “มีไว้เพื่อเสริมแกร่ง” ให้พอร์ตเราจริงๆ! ผม/ดิฉันมองว่ามันเหมือนกับการปรุงอาหารเลยครับ/ค่ะ ไม่มีสูตรตายตัวเป๊ะๆ ว่าต้องใส่เท่าไหร่ถึงจะอร่อยที่สุด แต่มันขึ้นอยู่กับรสนิยมและความต้องการของเรา อย่างแรกเลยคือต้องกลับมาดูที่ ‘เป้าหมายการลงทุน’ และ ‘ความสามารถในการรับความเสี่ยง’ ของเราก่อนครับ ถ้าเพิ่งเริ่มต้น หรือยังไม่มั่นใจมาก ผม/ดิฉันแนะนำให้เริ่มต้นด้วยสัดส่วนเล็กๆ ก่อน อาจจะสัก 5-10% ของพอร์ตโดยรวม แล้วค่อยๆ ทยอยเพิ่มเมื่อเรามีความเข้าใจและมั่นใจมากขึ้น สำหรับผม/ดิฉันเอง ตอนนี้พอร์ตทางเลือกอยู่ที่ประมาณ 15-20% ครับ/ค่ะ มันช่วยลดความผันผวนของพอร์ตโดยรวมได้ดีมากเวลาที่ตลาดหุ้นมีอาการไม่ค่อยดี ลองคิดดูสิครับ/คะ เวลาหุ้นลงหนักๆ สินทรัพย์ทางเลือกบางตัวกลับนิ่ง หรือบางทีก็ปรับตัวขึ้นได้ มันเหมือนมีตัวถ่วงดุลให้พอร์ตเรามีเสถียรภาพมากขึ้น กลยุทธ์ที่ผม/ดิฉันใช้คือการ ‘จับคู่’ ครับ อย่างถ้าในพอร์ตมีหุ้นที่ผันผวนสูง ก็จะหาทางเลือกที่มีความผันผวนต่ำกว่ามาถ่วงดุล เช่น REITs ที่ให้กระแสเงินสดสม่ำเสมอ หรือ Infrastructure Fund ที่มีสัญญาผูกพันระยะยาว ที่สำคัญคือต้อง ‘หมั่นทบทวน’ พอร์ตของเราอยู่เสมอครับ อย่างน้อยปีละครั้ง หรือเมื่อสถานการณ์เศรษฐกิจโลกเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ เพราะตลาดมันไม่เคยหยุดนิ่ง เราก็ต้องปรับตัวให้ทันครับ/ค่ะ!
📚 อ้างอิง
Wikipedia Encyclopedia
구글 검색 결과
구글 검색 결과
구글 검색 결과
구글 검색 결과
구글 검색 결과